พฤษภาคม 07, 2025
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์
ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: BUY WEEK
ในสัปดาห์นี้ ไม่ได้มีตัวชี้วัดที่สำคัญ แต่จะมีการคาดการณ์การคงอัตราดอกเบี้ยของ FED ไว้ที่ 4.25% - 4.50% และจะมีการออกมาพูดของ Jerome Powell หรือ ประธาน FED ที่การพูดของเขานั้นสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ และ ณ ตอนนี้เรื่องกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ มีแนวโน้มว่าจะเจรจากันเพื่อหาทางลง การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงนี้จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่น่าสนใจ โดยกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือกลยุทธ์ที่มี Bitcoin เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Altcoins ก็ยังสามารถทำได้แต่ควรเลือกช่วงเวลาในการลงทุน
สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งสหรัฐฯ หรือ FOMC ได้มีการลงคะแนนเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย นักเก็งกำไรต่างเฝ้าติดตามคำพูดของเขาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดค่าเงินตราและความผันผวนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: FED Interest Rate Decision มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 4.25% - 4.50%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การคงที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการที่ FED ยังไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทำให้ตลาดอาจมีการผันผวนในระยะสั้นได้
Initial Jobless Claims หรือ Unemployment Claims คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าใช้จ่ายของรัฐได้ชัดกว่าอัตราการว่างงาน เพราะยิ่งตัวเลขนี้สูงขึ้นนั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายของภาครัฐ หรือ Government Expenditure ถูกใช้ไปในการช่วยเหลือกลุ่มคนว่างงานมากขึ้น เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะหดตัว และยังแสดงให้เห็นถึงช่องว่างความเหลื่อมล้ำในประเทศอีกด้วย โดยตัวเลขนี้จะมีประกาศทุก ๆ วันพฤหัสบดี
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 241K เป็น 240K
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การลดลงของ Unemployment Claims แสดงให้เห็นถึงฝั่งแรงงานที่มีคนมาขอสวัสดิการจากรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยการที่เพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียวไม่สามารถมีผลกระทบที่มีนัยสำคัญได้
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
7 พฤษภาคม
8 พฤษภาคม
9 พฤษภาคม
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลายเหรียญมีการปรับตัวขึ้นเป็นบวก แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำอยู่ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีการเปิดสถานะลองมากกว่าสถานะชอร์ต ประกอบกับการที่ราคาของ Bitcoin และหลายเหรียญปรับตัวขึ้น
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้จะยังไม่ได้สูงเท่ากับช่วง All Time High แต่ก็แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น และ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการประชุม FOMC อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยแม้จะยังไม่มีความชัดเจน แต่ก็มีแนวโน้มว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยจากเดิมที่คาดไว้ 4 ครั้ง เหลือเพียง 3 ครั้งในช่วงปลายปี
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิที่ 1,805.1 ล้านเหรียญซึ่งนับเป็นสัปดาห์ที่มีเงินไหลเข้าค่อนข้างมาก โดยที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มเปิดความเสี่ยงกันเพิ่มหลังจีนและสหัฐมีแนวโน้มที่จะเจรจากันเกิด โดยในสัปดาห์ยังมีการประชุม FOMC ซึ่งมีแนวโน้มว่า FED ยังคงไม่รีบร้อนในการขึ้นดอกเบี้ย
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิที่ 106.8 นับว่าเป็นการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้นจากช่วงแรก อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินนี้ยังนับว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับ Spot Bitcoin ETF และส่งผลต่อราคา Ethereum เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในช่วงที่ราคาตลาดเป็นขาลง อัตราส่วน Realized Profit/Loss เริ่มเข้าใกล้ระดับคุ้มทุน หมายความว่าในเวลานั้น มูลค่าการขายที่มีกำไรและขาดทุนของนักลงทุนมีขนาดใกล้เคียงกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่ค่อนข้างเป็นกลางในตลาด
แต่เมื่อราคากลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง เราเริ่มเห็นอัตราส่วนนี้ขยับขึ้นอย่างชัดเจน กลับเข้าสู่ช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มทำกำไรกันอีกครั้ง นี่อาจเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่มีน้ำหนักมากขึ้น โดยที่แรงซื้อในตลาดสามารถรองรับแรงขายจากการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องจนถึงตอนนี้
โดยที่ Realized Price จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อมีการขายเหรียญที่ถูกถือไว้เป็นเวลานาน เพราะการเคลื่อนไหวของเหรียญเก่าที่เคยมีต้นทุนต่ำ จะถูกนับใหม่ตามราคาปัจจุบัน ทำให้มูลค่าตลาดตามราคาที่เกิดขึ้นจริง ยกตัวอย่างเช่น หากมีนักลงทุนที่เคยซื้อ BTC ไว้ตั้งแต่ราคาประมาณ $20,000 แล้วเพิ่งมาโอนหรือขายในวันที่ราคาตลาดอยู่ที่ $97,000 จะทำให้ระบบรับรู้ว่ามูลค่าเหรียญนั้นเพิ่มขึ้นถึง $77,000 ซึ่งจะผลักดันให้ Realized Price ของทั้งระบบเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้น แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของ Realized Price จึงขึ้นอยู่กับ Long-term holders ว่าจะเริ่มขายหรือเคลื่อนไหวเหรียญเมื่อไร หรือราคาตลาดในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร จากการประเมินของเรา หากแนวโน้มราคา BTC ยังคงแข็งแกร่ง และมีการเคลื่อนไหวของเหรียญเก่ามากขึ้น Realized Price อาจปรับตัวขึ้นไปแตะระดับประมาณ $60,000 ได้ภายในสิ้นปีนี้
หลังจากปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ปัจจุบัน $BTC มีการสร้าง Bearish Divergence ขึ้นมา โดยมีความเป็นไปได้ว่าในระยะสั้นอาจย่อตัวได้ โดยแนวรับสำคัญจะอยู่ที่ $87,000 ที่เป็นแนวรับตาม Fibonacci อย่างไรก็ตามหากตลาดไม่ปรับตัวต่ำกว่านั้นก็มีโอกาสที่ $BTC จะขึ้นไปต่อได้เช่นกันและถ้า Break บริเวณ $100,000 ได้มีโอกาสที่จะไปทำ All-Time High ได้เลยในช่วงข้างหน้านี้
แนวต้าน : $97,000 | $100,000 | $108,000
แนวรับ : $92,000 | $87,000 | $83,500
$ETH มีการทรงตัวอยู่เหนือ Demand Zone บริเวณ $1,750 แล้วซึ่งในทุกการย่อตัวก็มักจะมีการเด้งตัวกลับแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อในบริเวณนี้ที่ต่อเนื่อง ในภาพรวมแล้วหากราคาไม่ย่อลงไปต่ำกว่ากล่องดังกล่าวก็มีโอกาสสูงที่จะเห็น $ETH ขึ้นต่อไปยังกรอบแนวต้านถัดไปได้
แนวต้าน : $1,850 | $2,100 | $2,400
แนวรับ : $1,750 | $1,600 | $1,400
Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่สู้ดีนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีและมี Marketcap ที่ใหญ่ และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer